■
เรื่องมันมีอยู่ว่ามีคนเอาภาพป้ายโฆษณาของโรงเรียนแห่งนึงในจังหวัดเพชรบูรณ์มาโพสลงเน็ท
โดยในป้ายระบุว่า โรงเรียนแห่งนี้รับสมัครนักเรียนปีนี้แค่ 25 คน แถมไม่มีการบ้าน ไม่ต้องทำรายงานด้วยะนเออว์
■
ชาวเน็ทก็วิจารณ์กันขรมว่า เฮ้ย มันเป็นไปได้เหรอวะ โรงเรียนที่ห้องละ 25 คน
แถมไม่มีการบ้านไม่มีรายงานเนี่ยนะ โรงเรียนอะไรวะทำไมมันเหี้ยแบบนี้
■
ไม่ทำรายงาน ไม่ทำการบ้าน อ้ายเด็กพวกนี้เข้ามหาลัยเมื่อไหร่พวกมันตายห่าทั้งฝูงแน่กรูว่า
■
บ้างก็เรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการมาตรวจสอบโรงเรียนนี้ว่ามันไม่ให้เด็กทำการบ้าน ทำรายงานได้ยังไง
ถ้ามึงคิดจะให้เด็กเข้าเรียนมหาลัยได้เมิงต้องฝึกให้เด็กทำการบ้านดิวะไม่งั้นฉิบหายกันหมดแน่
■
มีคนแสดงความเห็นว่าบางทีโรงเรียนนี้เขาอาจจะใช้วิธีการสอนแบบใหม่ก็ได้นะเออ อย่าเพิ่งรีบออกตัวแรงกันเกินไป
ถ้านักเรียนในชั้นเรียนมันไม่เยอะ ครูสามารถเข้าถึงเด็กได้ทุกคน การบ้านมันก็ไม่มีความจำเป็นใดๆเลยนี่นา
■
■
ชาวเน็ทคนนึงเล่าประสบการณ์ตรงว่าเขาก็เคยเรียนในโรงเรียนที่ไม่ให้การบ้านเด็กนะ
แต่การที่ครูไม่ให้การบ้าน ไม่ได้แปลว่าครูไม่สอนเด็ก แต่ครูจะสอนเด็กให้รู้เรื่องในห้องเรียนไปเลย
มีโจทย์คำถามก็ทำกันในห้องเรียนนั่นแหละ ไม่ต้องกลับไปทำที่บ้าน หรือมาจ้องจะลอกการบ้านกันตอนเช้าๆ
■
ชาวเน็ทคนนึงสงสัยว่าที่โรงเรียนนี้ครูไม่จำเป็นต้องให้การบ้าน ไม่ต้องให้เด็กทำรายงาน
เพราะเขาจำกัดจำนวนเด็กอยู่ที่ห้องละ 25 คนรึเปล่าวะ ครูถึงมีเวลาสอนเด็กทุกคนได้อย่างเต็มที่
ไม่เหมือนโรงเรียนส่วนมากที่ห้องนึงปาเข้าไปตั้ง 50-60 คน จนครูสอนไม่ไหวได้แต่อัดการบ้านเยอะๆให้เด็กไปทบทวนกันเอาเอง
■
คนที่ไม่เห็นด้วยกับกับแนวทางของโรงเรียนนี้แย้งว่าการบ้านมันเป็นสิ่งจำเป็นนะเว้ย
การให้การบ้านเด็กไปทำ มันไม่ได้ทำเพื่อฝึกให้เด็กเก่ง ฉลาดแต่เพียงอย่างเดียว แต่มันยังเป็นการฝึก
ให้เด็กมีความรับผิดชอบ รู้จักทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมายหน้าที่ให้ด้วย
ถ้ามึงคิดแต่อยากจะเรียนเก่งอย่างเดียวจนไม่สนใจทำการบ้าน
แล้วมึงจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีจริยธรรมคุณธรรมได้อย่างไร
■
■
■
ถ้าไม่มีการบ้าน เด็กมันก็จะเอาเวลาไปเที่ยวเตร่ เล่นเกม เล่นเน็ททั้งวันน่ะเซ่
เผลอๆถ้าไม่มีการบ้าน มันอาจจะลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าตอนอยู่ในห้องเรียนมันเรียนอะไรมา
การสั่งการบ้านให้เด็กทำนี่แหละที่จะช่วยกระตุ้นให้ไอ้พวกเด็กที่สมองช้ามันได้ทบทวนการเรียนเยอะๆ
แทนที่จะเอาเวลาไปนั่งแชทคุยกับผัวเมียมันทั้งวัน
■
ชาวเน็ทคนนึงแย้งว่าถ้ามึงจะให้การบ้านเด็กเยอะๆเพื่อที่ว่าเด็กจะได้ไม่ไปเที่ยวเตร่หลังเลิกเรียน แบบนี้กรูว่าไม่เวิรคว่ะ
เพราะถ้าเด็กมันไม่สนใจจะทำการบ้านจริงๆ เช้าวันรุ่งขึ้นมันไปลอกการบ้านเพื่อนที่ดรงเรียนก็จบเรื่องละ
ประเด็นคือ ครูควรจะกระตุ้นให้เด็กรู้จักหาความรู้ด้วยตัวเองสิวะ คือครูไม่จำเป็นต้องสั่งการบ้าน
เป็นเรื่องเดียวกับที่เรียนในห้องเรียนเมื่อเช้าก็ได้ แต่สั่งให้เด็กไปหาข้อมูลอย่างอื่นที่อยู่นอกเนื้อหา
เด็กมันจะได้ฝึกค้นคว้าหาความรู้ด้วยตัวเอง ให้เด็กได้หัดอธิบายความคิดของตัวเองให้ครูเข้าใจ
แต่ครูบางคนที่ให้การบ้านเด็กเยอะๆ เพื่อที่ว่าเด็กมันจะได้ไปอ่านหนังสือกันเอาเอง ส่วนครูไม่ต้องสอน นอนอู้ชิวๆมันก็มีเหมือนกัน
■
สมัยนี้ใครเขาทำการบ้านกันวะ ครูจะให้การบ้านหรือไม่ให้ก็ค่าเท่ากัน เพราะกรูก็ลอกการบ้านเพื่อนอยู่ดี
■
■
การบ้านกับรายงานอ่ะมันไม่สำคัญหรอกนะ สุดท้ายเด็กมันก็ลอกทั้งการบ้านและรายงานนั่นแหละ
ไม่ให้การบ้านกับรายงานเด็กน่ะถูกต้องแล้ว ทุกวันนี้เด็กไทยไม่ต้องทำการบ้านก็มีอนาคตได้เพราะเราวัดกันที่ความรู้ว่ะ ไม่ได้วัดกันที่การบ้าน
■
■
ชาวเน็ทคนนึงบอกว่าสมัยเรียน กรูลอกการบ้านตลอด ตื่นเช้ามากรูไปโรงเรียนก็ยืมการบ้านเพื่อนมาลอก แล้วแบ่งๆกันทั้งห้อง
แต่ถึงจะทำแบบนี้กรูก็เรียนจบ แถมยังเข้ามหาลัยของรัฐและจบออกมามีการงานทำอย่างทุกวันนี้
■
มึงให้เด็กทำการบ้านเยอะๆ จบไปก็ใช่ว่าเด็กคนนั้นมันจะมีงานทำซะเมื่อไหร่
ทุกวันนี้การบ้านที่ครูสั่งให้เด็กทำแต่ละวันแม่งกองเท่าภูเขาเลากา มึงบอกให้เด็กทำการบ้านมาส่งครูให้หมดนะ
แล้วเด็กมันจะเอาเวลาที่ไหนไปอ่านหนังสือทบทวนความรู้วะ
■
การสั่งการบ้านต่างหากที่จะทำให้เด็กมันแย่ลง ลองคิดดู วันๆนึงเรียนตั้งแต่เช้าจรดเย็น
กลับบ้านก็มานั่งทำการบ้านยันตีหนึ่ง พอนอนไม่พอก็ไปนั่งสับประหงกในชั้นเรียน
จนโดนครูด่าว่ามึงนอนดึกเพราะเล่นเกมเหรอยะ ทั้งๆที่กรูอยากบอกคุณครูใจแทบขาดว่า
ที่กรูนอนดึกก็เพราะการบ้านกองพะเนินของมึงนั่นแหละย่ะ
■
คุณครูคนนึงบอกว่า ไม่ให้เด็กทำรายงานยังพอว่า แต่การที่โรงเรียนนี้ไม่ให้การบ้านเด็กนี่มันหมายความว่ายังไงกันยะ
การให้การบ้านเด็กมันคือการสอนให้เด็กรู้จักประยุกต์ใช้ความรู้ที่สอนในห้องเรียนไปแก้ปัญหาที่บ้านนะ
ไม่ใช่การผลักภาระไปให้เด็กอ่านหนังสือเรียนกันเองเพราะครูอู้อย่างที่พวกเอ็งหลายๆคนพูดกันซักหน่อย
■
ชาวเน็ทคนนึงแย้งคุณครูว่าการสั่งการบ้านให้เด็กทำเยอะๆ เพื่อให้เด็กได้ฝึกททวนความรู้
หรือประยุกต์ใช้สิ่งที่เรียนมา มันใช้ได้เฉพาะกับเด็กหัวดีจนถึงปานกลางเท่านั้น
แต่ถ้าเป็นเด็กที่สติปัญญาไม่ได้ดีเด่อะไร มึงคิดว่าสั่งการบ้านให้เด็กทำเยอะๆมันจะช่วยได้จริงๆเหรอวะ
กรูว่าครูสอนให้เด็กทำแบบทดสอบในคาบเรียนก็พอแล้ว ถ้าใครหัวช้าตามเพื่อนไม่ทัน ครูก็ไล่สอนเรียงตัวไปเลย
ส่วนไอ้คนที่บอกว่าสั่งการบ้านเยอะๆคือการฝึกให้เด็กมีความรับผิดชอบน่ะ ไอ้ฉิบหาย
มึงสั่งการบ้านวันนึงเยอะแยะขนาดนี้ กว่ากรูจะทำเสร็จก็เที่ยงคืนตีหนึ่งเข้าไปแล้ว แล้วมึงจะให้กรูเอาเวลาที่ไหนไปทำอย่างอื่นวะ
■
ที่เด็กไทยทุกวันนี้ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ ส่วนนึงก็เพราะการบ้าน รายงานกับกิจกรรมที่ประเดประดังเข้ามานั่นแหละ
ไม่ใช่ว่ากูทำการบ้านไม่ทันนะ แต่มันเสียเวลาเว้ย ทำไมกรูต้องมานั่งเขียนรายงานไร้สาระ ทั้งๆที่กรูสามารถ copy paste ใส่ได้วะ
เด็กไทยทุกวันนี้เรียนหนังสือวันละ 8 ชั่วโมง แต่ถามว่าไอ้แปดชั่วโมงนี้มีความรู้เข้าหัวกรูมั้ย ไม่เลยซักนิด
กรูเรียนกับครูในห้องเรียนไม่รู้เรื่อง พอกลับมาบ้านจะอ่านหนังสือก็ทำแต่รายงาน ทำแต่การบ้านทั้งวัน
สุดท้ายพอเด็กผลการเรียนไม่ดี ผู้ใหญ่แม่งเสือกโทษเด็กว่าโง่ โดยไม่ดูตัวเองบ้างเลยว่าหลักสูตรที่มึงยัดให้กรูมันดีแล้วรึยัง
■
ยกตัวอย่างเช่น การเรียนในชั้นมหาลัย อาจารย์เขาไม่ได้สอนยัดเยียดใส่หัวเด็กรัวๆเหมือนชั้นมัธยมนะ
บางคาบถ้าเนื้อหามันซับซ้อนหรือเยอะเกิน อาจารย์ก็จะพักไว้แค่นั้นให้นักศึกษาไปทำความเข้าใจเพิ่มเติมก่อน
คืออาจารย์ที่ดีควรเป็นแบบนี้ สามารถประเมินได้ว่าเด็กรับความรู้ที่ตัวเองสอนไหวมั้ย ไม่ใช่ยัดๆๆใส่หัวเด็กลูกเดียว
เพราะพอเด็กถูกยัดความรู้ยากๆใส่หัวเยอะๆในคราวเดียว หรือถูกสั่งให้ทำงานกองพะเนินจนเกินศักยภาพของเด็ก
มันอาจจะทำให้เด็กเหนื่อย และท้อแท้จนหมดใจเรียนวิชานั้นไปเลยก็ได้ การสั่งการบ้าน รายงาน มันทำได้นะ
แต่มันต้องสั่งการบ้านแต่พอดี ไม่ใช่ยัดเยียดให้เด็กจนเยอะเกินไป ไม่งั้นแทนที่มันจะกระตุ้นให้เด็กตั้งใจเรียน
จะกลายเป็นว่าการบ้านและรายงานนี่แหละที่ทำให้เด็กเบื่อไม่อยากเรียนเสียเอง
■
หลังจากนั้นชาวเน็ทก็เถียงกันรัวๆว่า การบ้านกับรายงานสารพัด มันเป็นตัวสร้างสรรค์สติปัญญาให้กับเด็กไทย
หรือเป็นซากของความล้มเหลวในระบบการศึกษาที่รังแต่จะฉุดรั้งสติปัญญาเด็กไทยกันแน่
แต่อีกประเด็นที่น่าสนใจคือจำนวนนักเรียนในชั้นเรียนของโรงเรียนแห่งนี้ ตั้งแต่สมัยจ่าเรียนมัธยมเมื่อสิบกว่าปีก่อน
ตอนนั้นนักเรียนในแต่ละห้องก็ปาเข้าไปตั้ง 50-60 คนแล้วว่ะ ถามว่าเรียนทันไหม
ก็พอทันนะ อันไหนไม่เข้าใจก็กลับไปอ่านเองที่บ้านได้ แต่ถ้าเป็นคนที่หัวช้าหน่อย
ฟังที่ครูสอนในห้องเรียนไม่เข้าใจ กลับไปอ่านหนังสือเองที่บ้านมันจะเข้าใจเหรอวะ
คือสติปัญญาคนเรามันไม่เท่ากัน วิธีการสอนที่จะสอนให้เด็กเรียนรู้มันก็แตกต่างกัน
ไม่มีทางที่การสอนรูปแบบเดียวกันจะสามารถทำให้เด็กนักเรียนทุกคนเข้าใจได้เหมือนๆกัน
เหมือนกับที่จ่าไม่เคยเชื่อว่าการสอนเด็กแบบ mass product แบบโรงเรียนสอนพิเศษ
ที่เอาเด็กมานั่งกองรวมๆกันเป็นร้อยคน แล้วเปิดวิดีโอเทปให้เด็กดูพร้อมๆกับอ่านตำรา
มันจะช่วยสร้างเด็กไทยที่มีคุณภาพ มาพัฒนาสังคมไทยได้เลยว่ะ มันเป็นแค่การสร้างเครื่องกาข้อสอบขึ้นมาเท่านั้น
ข้างล่างนี่เป็นกราฟเปรียบเทียบปริมาณเด็กนักเรียนต่อหนึ่งห้องในแต่ละประเทศ จะเห็นได้ว่าค่าเฉลี่ยส่วนมาก
สำหรับประเทศที่เจริญแล้ว จะอยู่ที่ 20-30 คน มีแต่พี่จีนที่ประชากรล้นทะลัก มีนักเรียน 40-50 คนต่อห้องพอๆกับบ้านเรากันเลยทีเดียว
■
http://oecdeducationtoday.blogspot.com/…/how-does-class-size-vary-around-world.html
อาห์ แล้วดราม่านี้จะลงเอยเช่นไร การสั่งการบ้านกองพะเนินสูงท่วมหัวให้เด็กไทยทำทุกวั้นทุกวัน
จะช่วยให้เด็กไทยฉลาดได้จริงๆหรือ แปลว่าหลายสิบปีที่ผ่านมานี่เด็กไทยไม่เคยทำการบ้านกันเลยรึไง
พวกเธอว์จงตามไปเสพในเพจเหล่านี้โดยพลัน!!
External Link
https://www.facebook.com/…/470909669750027
https://www.facebook.com/…/907366955951108
|