■
เรื่องมันมีอยู่ว่ามีสาวไทยคนนึง ชื่อ น้อง พูนสุขวัฒนา หรือ เชฟน้อง
เธอว์เป็นคนไทยที่เดินทางไปตั้งรกรากที่อเมริกา เมื่อสิบกว่าปีก่อน
โดยแฟนของเธอเป็นคนอเมริกา เรียนอยู่ที่เมืองพอร์ตแลนด์
หลังจากแต่งงานกัน เธอก็ย้ายตามมาอยู่กับแฟนที่อเมริกาด้วย ต่อมาเธอแยกทางกับแฟน
■
เธอตัดสินใจว่าจะไม่กลับเมืองไทย แต่จะสร้างอนาคตของเธอที่นี่ เธอจึงตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน
เริ่มจากทำงานเป็นเด็กเสิร์พ แล้วย้ายไปทำงานเป็นแม่ครัวในร้านอาหารไทย Pok Pok
ซึ่งเจ้าของร้าน Andy Ricker เป็นเชฟชื่อดัง ที่มีชื่อเสียงด้านอาหารไทยภาคเหนือ
■
Andy Rick นี่ตอนหนุ่มๆ เริ่มต้นจากเป็นพนักงานล้างจานในร้านอาหารเล็กๆแห่งนึง
แล้วแกตัดสินใจแบกเป้ตระเวนไปทั่วโลก เพื่อศึกษาเรื่องอาหารนานาชาติ
สุดท้ายมาถูกใจอาหารไทย จึงนำสูตรอาหารไทยกลับไปเปิดร้านอาหารที่อเมริกา
และกลายเป็นร้านอาหารที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้รับเลือกให้เป็นภัตตาคารยอดเยี่ยมแห่งปี
และตัว Andy Rick เองก็ได้รับรางวัลเชฟยอดเยี่ยมประจำปี 2011 ด้วย
ในคลิปรายการเกี่ยวกับ Andy เจ้าตัวพูดถึงเชฟน้องไว้ด้วยนะเออว์ ลองไปดูกัน
External Link
■■
■
ต่อมา เมื่อเธอมีเงินเก็บก้อนนึง เธอก็ลงทุนซื้ออุปกรณ์ แผงลอย มาก่อตั้งร้านข้าวมันไก่
“น้องข้าวมันไก่” ที่เริ่มจากร้านแผงลอยเล็กๆ และขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
มีลูกค้าอุดหนุนข้าวมันไก่ของเธออย่างอุ่นหนาฝาคั่ง แถมยังมีการเอาน้ำจิ้มข้าวมันไก่สูตรของเธอ
ไปวางขายตามห้างสรรพสินค้าทั่วอเมริกาเลยทีเดียว ตอนนี้เธอกำลังวางแผนขยายกิจการ
เปิดสาขาร้านข้าวมันไก่เพิ่มที่นิวยอร์ ออสติน และฮาวาย เธอกลายเป็นที่รู้จักในวงกว้าง
เมื่อไปแข่งทำอาหารในรายการ Chopped เป็นรายการแข่งทำอาหาร
ในช่อง food network ที่เป็นที่นิยมในอเมริกาและชนะผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆขาดลอย
คว้าเงินรางวัลไปเหนาะๆ หนึ่งหมื่นดอลลาร์สหรัฐ ประมาณสามแสนกว่าบาท
■
■
External Link
และในเวลาต่อมาเธอก็ไปขึ้นเวที TED ซึ่งเป็นงานกิจกรรมที่ให้คนที่มีความคิดดีๆ
มาเล่าประสบการณ์ของตนบนเวทีเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ มีเวลาคนละสิบนาที
เป็นงานกิจกรรมที่มีชื่อเสียงมาก เริ่มจัดครั้งแรกในอเมริกาตอนปี 1984
มีคนดังระดับโลกขึ้นเวทีนี้มาแล้วมากมาย เช่น บิลเกตงี้ อัล กอร์ งี้
■
ต่อมาสื่อไทยก็เอาเรื่องราวของเธอมาเผยแพร่ในเชิงยกย่อง ประเด็นคือ ไอ้เรื่องที่ว่า
เธอไปอเมริกาเพราะแต่งงานกับแฟน และได้กรีนการ์ดอย่างถูกกฏหมายเนี่ย
บนเวที TED เธอไม่ได้พูดเพราะเวลามันน้อย แต่เวลาเธอให้สัมภาษณ์สื่ออื่นๆเธอก็เล่าตามจริงตลอดนะ
ส่วนบนเวทีจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความยากลำบากช่วงชีวิตวัยเด็กของเธอ
และเล่าว่าสมัยที่เธอมาตั้งต้นที่อเมริกามันลำบากขนาดไหน เช่น มีเงินติดตัวมาแค่ 70$ ไรงี้
■
ข้อมูลอ้างอิงจ้า
http://www.eater.com/…/watch-pdx-cart-queen-nong-poonsukwattanas-ted-talk
http://women.sanook.com/…/
ในเวลาต่อมามีคนเอาเรื่องราวของเชฟน้องมาเผยแพร่ในเว็บพันทิป
■
ปรากฏว่ามีชาวพันทิปตั้งข้อสงสัยว่า มีเงินติดตัวไปแค่ 70$ อเมริกาเขาให้เข้าประเทศได้ไงวะ
■
บ้างก็ตั้งข้อสงสัยว่าเชฟน้องเขาเข้าอเมริกาด้วยวีซ่าชนิดไหนกันนิ
■
■
อมยิ้มคนนึงก็ปรามชาวพันทิปว่าใจเย็นๆก่อนพวกมึง อย่าเพิ่งจินตนาการกันไปว่าเชฟน้องเขาเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายหรือโกงวีซ่าสิวะ
■
ชาวพันทิปตอบว่าพวกกรูก็ยังไม่ได้บอกว่าสงสัยเชฟน้องจะโกงวีซ่าซักคำ แต่กรูสงสัยไง
ว่าเอาเงินติดตัวไปแค่นี้เขาให้เข้าประเทศได้ยังไง คนที่คิดเป็นมันต้องรู้สึกว่าน่าสงสัยทั้งนั้น
หรือจะบอกให้กรูเชื่อสิ่งที่เชฟน้องเขาพูดทุกคำเหมือนคนไม่มีสมองล่ะวะ
■
มีคนตอบแทนเชฟน้องว่า ที่เขาเข้าประเทศได้ เพราะเขาไปอเมริกาตามสามีเขาไง
■
ส่วนเรื่องเงินในบัญชีนั่น จะมีเท่าไหร่ก็ได้นิ ตอนเข้าประเทศไม่เห็น ตม มันจะขอดูเสตทเม้นท์ซักหน่อย
■
ประเทศไหนๆเขาก็ไม่มีธรรมเนียมขอดูเงินในบัญชีธนาคารกันทั้งนั้น มีแต่คนไทยนั่นล่ะ
ที่เข้าใจผิดกันไปเองว่าต้องมีเงินติดตัวไปเยอะๆ เขาถึงจะยอมให้เข้าประเทศได้
■
ชาวพันทิปบางคนก็ไม่พอใจ ถามคนที่ตั้งข้อสงสัยในตัวเชฟน้องว่าพวกมึงเป็นห่าไรของมึงวะ
จขกท เขาเอาเรื่องราวของเชฟน้องมาโพสเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ
ไม่เข้าใจเลยว่าพวกมึงจะตั้งแง่เรื่องเงินในบัญชี หรือเรื่องวีซ่าของเขาไปทำหอกอะไร
■
คือในสายตาของพวกมึงเนี่ย คนไทยมันต้องกระจอก ทำอะไรไม่เป็น เข็นไม่ขึ้น ทำกิจการอะไรก็เจ็งบ๊ง
ไม่มีวันเจริญก้าวหน้า ถึงจะเป็นที่พอใจกับคนไทยด้วยกันอย่างพวกมึงใช่มั้ย
มันน่าเจ็บปวดสัสๆ ที่คนไทยดูถูกคนไทยด้วยกันเอง ทั้งๆที่เชฟน้องแกโคตรเก่ง
อย่างน้อยก็เก่งกว่าไอ้พวกที่แบมือขอพ่อแม่กิน หรืออาศัยใบบุญพ่อแม่ไปวันๆอยู่โขเลยว่ะ
■
■
อมยิ้มคนนึงชื่อ ม่องเท่ง พอรู้ว่าเชฟน้องได้วีซ่าเพราะแต่งงานกับแฟนที่เป็นชาวอเมริกา
ก็หายสงสัยเรื่องวีซ่าละ แต่ม่องเท่งบอกว่า ถ้าเชฟน้องได้วีซ่าจากการแต่งงาน
การที่เธอว์ตั้งตัวในอเมริกาได้ก็ไม่เห็นจะท้าทายตรงไหน ร้านพรรค์นี้ใครๆเขาก็เปิดได้ทั้งนั้น
ขนาดคนเม็กซิกันยังเปิดร้านขายฮอทดอกกันเต็มบ้านเต็มเมืองเลยนะเธอว์
อย่างน้อยก็ยังดีกว่าพวกที่จ้างฝรั่งแต่งงานเพื่อเอาสัญชาติน่ะนะ ส่วนพวกที่อวยเชฟน้อง
ถ้าพวกมึงจะยกย่องใครซักคนเป็นแรงบันดาลใจ คนๆนั้นก็ควรจะเก่งจริงและโปร่งใสนะยะ
ไอ้พวกที่ไม่โปร่งใสแถมเก่งแต่ปาก ดีแต่คุยโม้โอ้อวดความสามารถของตัวเอง บอกตรงๆว่าเห็นแล้วดั๊นเบะปากใส่ทุกรายว่ะค่ะ
■
ชาวพันทิปก็เถียงแทนเชฟน้องว่า ต่อให้เขาได้วีซ่าด้วยการจ้างแต่งงาน การเปิดร้านอาหารก็ยังเป็นเรื่องท้าทายอยู่ดี
การเปิดร้านอาหารในอเมริกานี่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ ที่นั่นเขาตรวจคุณภาพกันเข้มงวดมาก
ถ้าเจ้าหน้าที่มาตรวจเรื่องสุขอนามัยแล้วไม่ผ่านเนี่ยเขาสั่งปิดร้านยาวเลยนะเธอว์
■
ม่องเท่งก็เถียงว่าไม่จริงย่ะ การเปิดร้านอาหารในอเมริกาแม่งโคตรง่าย
บางคนทำอาหารรสชาติหมาไม่แดกยังขายดีเป็นเททิ้งเลยคู้ณณณ
■
ชาวพันทิปก็แซวว่า ถ้าถึงขนาดทำอาหารหมาไม่แดกแล้วยังขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
อเมริกาคงเป็นชาติที่กากส์เป็นสิ้นดีเลยว่ะ ที่ลิ้นคนไร้คุณภาพถึงขั้นอุดหนุนอาหารรสชาติหมาไม่แดกกันเป็นล่ำเป็นสัน
■
อมยิ้มคนนึงบอกว่ากาารที่เชฟน้องเขามาถึงจุดๆนี้ได้ ไม่ใช่ว่าแค่เปิดร้านเฉยๆแล้วรวยนะเว้ย
เขาต้องเจออุปสรรคและคู่แข่งในธุรกิจมากมายกว่าจะมีวันนี้ได้ และเชฟน้องเขาก็มีความสามารถจริงๆ
มึงไม่เห็นที่เขาไปแข่งในรายการ Chopped เหรอวะคะ ถ้ามึงได้ดูก็น่าจะรู้ดิว่าว่าเขาเก่งจริง
■
ชาวพันทิปเห็นคนออกมาจับผิดเชฟน้องกันเพียบ ทั้งในประเด็นวีซ่า ร้านอาหาร เงินในบัญชี บลาๆ
ก็บอกกับคนพวกนี้ว่า พวกมึงพอเหอะ ถ้าพวกมึงอยากประสบความสำเร็จเหมือนเขาบ้าง
สิ่งแรกที่พวกมึงควรทำคือ หัดแสดงความยินดีกับความสำเร็จของคนอื่นให้เป็น
ลดอคติ ลดความอิจฉาริษยา แล้วศึกษาความสำเร็จของเขาเอามาใช้กับตัวเรา
■
■
■
ไม่ใช่ว่าทุกคนที่ได้วีซ่าแล้วจะประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนกันนะ
บางคนได้วีซ่าแล้วทำงานเป็นเด็กเสิร์พไปตลอดชีวิต ไม่เจริญก้าวหน้าก็มี
บางคนได้วีซ่าแล้วหาผัว ส่วนตัวเองนั่งกินนอนกินไม่ทำงานทำการก็มีเหมือนกัน
ประเด็นคือจะได้วีซ่าด้วยวิธีไหนก็ตาม แต่ที่สำคัญที่สุดคือความมุ่งมั่นจนเขามีวันนี้ได้ต่างหาก
■
ฝั่งที่ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเชฟน้อง ก็แย้งว่าพวกกรูไม่ได้อิจฉาตาร้อนนะเว้ย
แต่ประเด็นคือการได้วีซ่าเข้าอเมริกาของเชฟน้องนั้นถูกต้องตามกฏหมายหรือไม่
ถึงเชฟน้องจะประสบความสำเร็จ แต่ถ้าเขาเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย
แล้วจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับคนไทยรุ่นหลังที่อยากไปขุดทองที่อเมริกาได้ยังไง
■
ชาวพันทิปก็สวนกลับรัวๆว่ามึงอยากรู้ว่าเชฟน้องเข้าอเมริกาได้ยังไง มึงก็ไปหาบทความ
ที่นักข่าวสัมภาษณ์เขามาอ่านสิวะ จะได้รู้ซักทีว่าเขาย้ายตามสามีเข้าประเทศ
แล้วเขาเปิดร้านอาหารใหญ่โตอย่างทุกวันนี้ สถานะของเขาจะผิดกฏหมายได้ไงวะ
■
■
เขาออกรายการทีวีในอเมริกาตั้งไม่รู้กี่หนแล้ว ถ้าสถานะของเขาผิดกฏหมาย
คงถูกเจ้าหน้าที่เพ่งเล็งแล้วเล่นงานไปนานแล้ว ไม่ทำมาหากินขยายสาขาจนถึงทุกวันนี้หรอกน่า
■
ทำไมคนไทยมันนิสัยแบบนี้วะ เห็นใครประสบความสำเร็จก็ไม่รู้จักแสดงความยินดีชื่นชม
ดีแต่อิจฉาริษยาชาวบ้าและจับผิดเขาไปวันๆ พอมีคนถามว่ามึงอิจฉาเขาใช่มั้ย
ไอ้พวกนี้ร้อยทั้งร้อยแม่งตอบเหมือนกันหมดว่ากรูไม่ได้อิจฉา กรูแค่ช่างสงสัยเท่านั้น ถุ้ยยยย
■
ฝั่งที่จับผิดเชฟน้องก็สวนกลับว่ามึงไม่ต้องมาประชดประชันกรูเลยนะ ถ้ามึงอยากให้กรูเลิกสงสัย
มึงก็ตอบกรูให้กระจ่างสิวะว่าเชฟน้องเขาได้วีซ่าเข้าอเมริกาด้วยวิธีการไหน
ตอบกรูมาให้ชัดว่าเขาเข้าเมืองแบบผิดกฏหมาย หรือผิดจริยธรรมหรือไม่
แบบว่ากรูอยากรู้ไง เผื่อจะได้เอาวิธีการนี้ไปใช้ขอวีซ่าเข้าอเมริกากับเขาบ้าง
■
ชาวพันทิปตอบว่ามึงไปแหกขี้ตาอ่านเม้นบนๆไป๊ ไอ้สัส
เขาพูดกันเป็นปีมะโว้แล้ว ว่าเชฟน้องย้ายตามสามีที่เป็นคนอเมริกันเข้าประเทศ
ไอ้พวกยาวไปไม่อ่านอย่างมึงยังมีหน้ามาคาดคั้นคำตอบจากพวกกรูอีกรึ
■
นักจับผิดตอบว่า เออ กรูแหกขี้ตาอ่านแล้วว่าเขาย้ายตามสามีมา แต่ประเด็นคือ
ที่เขาแต่งงานกับสามีน่ะ เขาแต่งเพราะความรัก หรือจ้างแต่งเพราะต้องการวีซ่ากันแน่วะ
■
ชาวพันทิปก็ด่าหมอนี่ว่าไอ้สัส ไหนมึงบอกว่าอยากรู้ข้อมูลเป็นความรู้ไว้ใช้ประกอบการขอวีซ่า
■
แล้วพวกกรูเป็นคนนอก ไม่ใช่เชฟน้องกับแฟนเขา พวกกรูจะไปรู้ได้ไงว่าเขาแต่งงานกันเพราะอะไร
■
แต่ที่พวกกรูรู้ๆคือพฤติกรรมของมึงเนี่ยมันไม่เข้าข่ายตั้งข้อสงสัยแล้วนะ
มันล้ำเส้นไปไกลจนถึงคำว่าเสือก และคุกคามชีวิตส่วนตัวของเขาแล้ว
■
แต่ไอ้พวกนักจับผิดก็ยังไม่เลิกราง่ายๆ ด่าชาวพันทิปว่าไอ้พวกโลกสวยเอ้ย พวกมึงจะไปปกป้องอีเชฟน้องทำไม
คนแบบมันที่เข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย หรือ ผิดจริยธรรมนี่แหละ ที่จะทำให้คนไทยขอวีซ่าเข้าอเมริกายากยิ่งขึ้น
■
ชาวพันทิปก็ด่าไอ้ห่านี่ว่า ไอ้พวกยาวไปไม่อ่านเอ๊ย คนแม่งอธิบายให้พวกมึงฟังไม่รู้กี่ความเห็นแล้ว
ว่าเขาเข้าเมืองไปอย่างถูกต้องตามกฏหมายทุกประการ โดยย้ายตามแฟนเข้าประเทศไป
แล้วเขากับแฟนก็คบหากันตั้งหลายปีกว่าจะเลิกรากัน แบบนี้จะเรียกว่าจ้างแต่งงานเอาวีซ่าได้ไงว๊ะ
■
นักจับผิดเถียงกลับว่ากรูอ่านกระทู้นี้ทุกบรรทัดแล้วโว้ย แต่สุดท้ายความคิดของกรูก็ถูกต้องอยู่
สรุปแล้วไม่ว่าพวกมึงจะแก้ตัวแทนมันยังไง ที่อีนี่เข้าอเมริกาได้ สุดท้ายก็เพราะผู้ชายอยู่ดี
แหม่ คนแบบนี้แม่งน่าชื่นชมฉิบหายเลยเนอะ ถ้าใครคิดจะประสบความสำเร็จในชีวิตเหมือนอีนี่ก็หัดหาผัวฝรั่งกันให้ได้ก็แล้วกัน
ทำไมวะ คนเราจะประสบความสำเร็จได้ มันต้องพึ่งลำแข้งของตัวเองเด่ะ ไม่ใช่ไปพึ่งลำแข้งของชาวบ้าน
มึงเปิดร้านข้าวมันไก่ในไทยก็รวยได้ ไม่เห็นจะจำเป็นต้องถือไปเปิดร้านถึงอเมริกาแลกกับอิสรภาพชั่วชีวิตของมึงเลย
■
ชาวพันทิปก็ถามนักจับผิดด้วยความฉุนว่าเชฟน้องมีแฟนเก่าเป็นฝรั่ง แล้วมันผิดตรงไหนวะ
นี่ยังมีหน้ามาบอกว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกหน้าด้านๆอีกเรอะ ที่มึงพล่ามมา ไม่มีเรื่องไหนเป็นจริงเลยซักเรื่อง
ถ้าขนาดอ่านจับใจความในกระทู้นี้กระทู้เดียวยังทำไม่ได้ อย่าว่าแต่ร้านข้าวมันไก่เลย
จะหน้าที่การงานใดๆ มึงก็ไม่มีปัญญาทำให้ประสบความสำเร็จได้หรอกว่ะ ไอ้เด็กเห่อหมอยเจ็ดบรรทัดเอ๊ยยยยยย
■
อ้ายพวกที่หาว่าเชฟน้องประสบความสำเร็จได้เพราะผัวฝรั่ง พวกมึงบ้าหรือโง่วะครับ
มึงดูชีวิตเขาซิ เขาได้เป็นลูกมือเชฟชื่อดัง และเชฟชื่อดังคนนั้นก็ให้การยอมรับเขา
ได้ไปแข่งในรายการทีวีช่องดัง และได้รับชัยชนะ ได้เงินรางวัลกลับมาเป็นแสน
ไอ้ที่ว่ามานี้ มึงสามารถประสบความสำเร็จได้ เพียงเพราะเขามีผัวฝรั่งเหรอวะ มึงบ้ารึเปล่า
คือพอเหอะ มึงเลิกเล่นประเด็นว่าเขาได้วีซ่ายังไงได้แล้ว นี่กรูพูดตรงๆแบบไม่ได้ดูหมิ่นนะ
แต่น้ำหน้าอย่างพวกมึง อีกสิบชาติมึงก็ทำแบบที่เชฟน้องทำไม่ได้หรอกว่ะ
เพราะความขี้อิจฉาริษยาไม่อยากเห็นใครดีเกินหน้าเกินตาตัวเองของพวกมึงนี่แหละ
■
อมยิ้มคนนึงร่ายยาวว่า ที่พวกมึงกำลังโจมตีเขาว่าทำไมถึงเล่าประวัติของตัวเองบนเวที TED ไม่หมด (แต่ในบทความลงครบ)
ทำไมถึงไม่ยอมเล่าบนเวทีว่าย้ายเข้าประเทศพร้อมกับสามี เป็นเพราะพวกมึงนั่นแหละ
ที่ไม่เข้าใจคอนเซ็ปท์ของเวที TED ว่ามันมีเวลาให้พูดแค่สิบนาทีเท่านั้น
คนที่ขึ้นบนเวที ส่วนมาก ต้องพูดให้กระชับ จับใจความสำคัญให้ได้ทั้งหมด
และเชฟน้องก็ขึ้นเวทีนี้ เพื่อพูดให้คนอื่นๆฟัง ในฐานะคนที่อพยพเข้าอเมริกา
ว่าสมัยก่อนเขาลำบากยังไง พ่อแม่สอนเขามายังไง และเขาเอาคำสอนนั้นมาปรับใช้
ให้เข้ากับแนวทางการทำธุรกิจของเขายังไง รวมไปถึงวิธีการบริหารจัดการทีมของเขา
ซึ่งไอ้ที่ว่ามานี้ เป็นปัจจัยที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
แต่พวกมึงกลับไม่สนใจฟังเรื่องราวที่เขาต้องการสื่อ มัวแต่ไปสนใจเรื่องเงิน เรื่องวีซ่า
แล้วก็ถามวนไปวนมาอยู่แค่นั้น ทั้งๆที่ประเด็นนี้แม่งกระจ่างเป็นชาติแล้วว่าเขาเข้าเมืองแบบถูกกฏหมายโคตรๆ
■
แล้วพวกมึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนหลบเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายเพราะได้แรงบันดาลใจจากเชฟน้องหรอกนะ
ยุคนี้คนที่เข้าเมืองแบบผิดกฏหมายเพื่อมาหางานทำ มันมีแต่คนโง่หรือคนเสียสติเท่านั้น
ใครคิดจะทำก็ปล่อยมันไปเหอะ เด๋วอเมริกามันจับได้ก็ขึ้นแบล็คลิสท์แล้วถีบออกนอกประเทศเองแหละ
แต่อยากให้พวกมึง เลิกจับจดแบบไทยสไตล์แล้วมองอะไรๆให้กว้างๆกันซักที
ไม่เชื่อมึงลองไปถามคนอเมริกาดิว่าเขาสนใจเรื่องวีซ่า เรื่องเงินในบัญชีของเชฟน้องรึเปล่า
กรูกล้ารับประกันแบบร้อยขี้หมากองเลยว่า คนอเมริกันมันต้องตอบว่า ช่างแม่งดิกรูไม่สนใจ
แต่ที่กรูรู้คือ เชฟน้องแม่งเจ๋งสัสๆ มึงคิดว่าการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในประเทศใหม่มันเป็นเรื่องง่ายๆเหรอว๊ะห๊ะ ■
อาห์ แล้วดราม่านี้จะลงเอยเช่นไร คนที่มองความสำเร็จของคนอื่นว่าเป็นแค่เรื่องง่ายๆ ใครๆก็ทำได้
มีปัญญาประสบความสำเร็จแบบคนที่ดูแคลนซักกี่คนกัน
พวกเธอว์จงตามไปเสพในกระทู้นี้โดยพลัน!!
http://pantip.com/…/33683195
|